นาฬิกาทองคำเปรียบเสมือนเครื่องประดับขั้นสูงที่รวบรวมบ่งบอกถึงรสนิยมและสถานะเอาไว้ แต่ในบรรดาความสวยงามและความหรูหรา อะไรเป็นกันที่เป็นตัวกำหนดราคาของนาฬิกาเหล่านี้กันแน่? วันนี้ Tharm2Time จะพาคุณไปค้นหาคำตอบ
นาฬิกาทองนับว่าเป็นสุดยอดเครื่องประดับอันหรูหรา ธาตุโลหะอันมีค่าชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ของ ความคงทนและความมั่งคั่งมาหลายพันปี ถึงแม้ว่านาฬิกาทองซะส่วนใหญ่จะเป็นนาฬิกาแนว Dress Watch ที่ดูเรียบหรู แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีนาฬิกาบางรุ่นที่ออกแบบมาในแนวสปอร์ตอีกด้วย
ส่วนผสมที่สร้างความแตกต่าง
เมื่อเรานึกถึงคำว่าทองคำ สีที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงก็คือสีเหลืองทอง อย่างไรก็ตามในอุตสาหกรรนาฬิกาก็ได้มีการเลือกใช้ทองคำหลากหลายประเภท เช่น White Gold, Pink Gold และรวมถึง Yellow Gold ที่ผู้คนทั่วไปมักนึกถึง อีกทั้งยังมีทอง สูตรผสมพิเศษตามแบบฉบับเฉพาะของแต่ละแบรนด์ เช่น Everose Gold ของ Rolex และ Sedna gold ของ Omega ซึ่งเป็นเรดโกลด์ อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Magic Gold ของ Hublot ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างทองคำกับเซรามิค ทำให้วัสดุเหล่านี้ถูกยกระดับขึ้นไปอีก รวมถึงการป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
ค่า K (กะรัต) เป็นอัตราส่วนที่บ่งบอกถึงสัดส่วนของทองคำ นาฬิกาที่มีตัวเรือนเป็นทองคำ 18 K เป็นนาฬิกาที่มีสัดส่วนทองคำ 75% ส่วนที่เหลือ 25% จะเป็นโลหะผสมอื่นๆ เช่น เงินหรือทองแดงขึ้นอยู่กับสูตรพิเศษของผู้ผลิต โดย Pink Gold และ Red Gold จะมีทองแดงเป็นส่วนผสมมากกว่าเงินทำให้ได้เฉดสีแดงอมชมพูตามชื่อ ในขณะที่ White Gold นั้นจะมีส่วนผสมของเงินมากกว่าทองแดง
แม้ว่าจะมีตัวเรือนนาฬิกาที่ผลิตจากทอง 14K (มีสัดส่วนทอง 58.5%) แต่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ในตลาดนาฬิกาปัจจุบันนิยมที่จะนำเสนอนาฬิกา 18K มากกว่า ซึ่งพบได้ในนาฬิกาทั้งกลุ่มราคาปานกลางและราคาสูง
ราคาทองคำมีผลกับมูลค่านาฬิกา
มูลค่าของนาฬิกาทอง 18K ก็ขึ้นอยู่กับราคาทองคำด้วย แม้ว่าราคาทองคำจะผันผวนในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แต่ก็ได้เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคานาฬิกาทองจะเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติของทองคำจึงถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในช่วงวิกฤต สิ่งนี้ทำให้นาฬิกาทองเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างปลอดภัย และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ตัวเรือนนาฬิกาก็ยังคงมีค่าเท่ากับน้ำหนักของทองคำ
ผู้ผลิตมีผลต่อราคา
โดยทั่วไปแล้ว ชื่อเสียงของแบรนด์และความหายากของรุ่นส่งผลต่อราคาของนาฬิกา นาฬิกาทองคำจากแบรนด์ที่ใช้กลไกที่ผลิตขึ้นเองจะมีราคาสูง ตัวอย่างเช่น Rolex ยังมีรุ่นอื่นๆ ที่มีตัวเรือนทองคำด้วย เช่น Daytona และ Day-Date โดย Day-Date นั้นมีตัวเรือนให้เลือกทั้งทองคำ White Gold และ Everose Gold ส่วนทางฝั่ง Omega ก็มีนาฬิกาสำหรับดำน้ำรุ่น Seamaster ที่ผลิตจากทองคำ 18K และยังมีคอลเลกชันDress Watch อย่าง De Ville ที่มีนาฬิกาทองคำหลากหลายรุ่น
นาฬิกาทองคำจากสวิส
ปัจจุบันมีการผลิตนาฬิกาทองคำประมาณ 500,000 เรือนต่อปี โดย 90% ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ Rolex จึงมีบทบาทสำคัญในตลาดนี้ เพียงอย่างเดียวคิดเป็นการผลิตนาฬิกาทองคำ 200,000 เรือน โดย Rolex ผลิตนาฬิกาประมาณ 800,000 เรือนทุกปี คิดเป็นหนึ่งในสี่ของการผลิตนาฬิกาทองคำทั้งหมดของ Rolex
หากท่านใดที่สนใจนาฬิกาทองหรือนาฬิการุ่นอื่นๆ สามารถเข้าชมคอลเล็กชั่นของเราได้ที่ Tharm2Time ให้บริการรับซื้อ-ขาย นาฬิกาด้วยราคาที่คุณพอใจที่สุด มั่นใจในบริการจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากว่า 10 ปี ทางร้านรับซื้อทั้งนาฬิกามือหนึ่งและนาฬิกามือสอง เรารับทุกรุ่น ทุกแบรนด์ชั้นนำ อาทิเช่น นาฬิกา Rolex, Audemars Piguet, Patek Phillipe, Omega, Panerai และแบรนด์นาฬิกาหรูอื่นๆ
อ้างอิง
https://www.chrono24.co.th/watches/gold-watches–16.htm#gref